– สำหรับมือใหม่ไม่ว่าจะเป็นสายวงโยฯ หรือเพิ่งเริ่มฝึกกลองชุด
สิ่งแรกที่ทุกคนต้องมีคือ ไม้กลองสักคู่ เปรียบเหมือนซามูไรที่ต้องมีดาบคู่ใจนั่นเอง แต่ในท้องตลาดนั้นก็มีไม้กลองให้เลือกมากมายเหลือเกิน และถ้าคุณกำลังสับสนว่าควรเลือกไม้กลองแบบไหน
บทความนี้จะมาแชร์ 5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อไม้กลองครับ
1. ขนาดของไม้กลอง
ตัวไม้กลองจะเริ่มด้วยตัวเลขและตามด้วยอักษร เช่น 7A , 5A , 5B , 3S ฯลฯ
“ ขนาดไม้จะใหญ่ขึ้นตามตัวอักษร ( B ใหญ่กว่า A ) แต่กลับกัน ตัวเลขยิ่งเยอะขนาดยิ่งเล็กลง ”
ความหมายของตัวอักษร
⁃ S จะเป็นไม้ขนาดใหญ่ที่สุด ย่อมาจาก Street เหมาะสำหรับการใช้วงโยธวาทิต วงดนตรีที่ไม่มีเครื่องขยายเสียง หรือคนที่ต้องการเสียงดัง ๆ เช่น 3S (ไม้มาร์ชชิ่ง)
⁃ B จะเป็นไม้ขนาดกลาง ย่อมาจาก Band เหมาะสำหรับใช้ในวงร็อค หรือคนที่ต้องการซาวด์ดังเวลาเล่นงานคอนเสิร์ต เช่น 2B , 5B
⁃ A เป็นไม้กลองที่มีขนาดเล็กที่สุด ย่อมาจาก Orchestra เหมาะสำหรับวงสตริง หรือผู้เล่นเริ่มต้น เช่น 5A ถือเป็นขนาดยอดนิยม เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ก็ใช้ดี
*ส่วนใหญ่มือกลองชุดจะนิยมใช้ขนาด 7A , 5A , 5B หรือถ้าเป็นสายมาร์ชชิ่งก็ขนาด 3S ( ไม้มาร์ชชิ่ง )
2. หัวไม้กลอง (Tip)
หัวไม้มีผลต่อเสียงที่ได้จากการตีซึ่ง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. หัวไนลอน ( Nylon ) ลักษณะเป็นหัวพลาสติกสีขาวให้เสียงใสเวลาตีฉาบ ส่วนเวลาตีกลองจะกระด้าง และดังกว่าหัวไม้
2. หัวไม้ ( Wood ) ให้เสียง และการเด้งของไม้ที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่นิยมกว่าหัวไนลอน
*สำหรับมือใหม่สามารถเลือกได้ทั้ง 2 แบบแล้วแต่แนวที่ชอบ เช่น ถ้าคุณชอบแนวเมทัลก็แนะนำเลือกหัว Nylon ที่ให้ซาวด์แข็งและดุดัน
ถ้าคุณเล่นหลายแนว หัวไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดี ใช้งานได้กว้าง
3. เลือกไม้ให้เหมาะกับสถานที่
มือกลองอาชีพมักจะมีถุงไม้กลองเป็นสิบคู่ในกระเป๋าไม้กลอง เพื่อใช้ในสถานที่ๆ ต่างกัน
โดยแบ่งเป็น 3 แบบ
1. ใช้เสียงดังไม่ได้ เช่นงานเล่นใน Lobby โรงแรม ควรใช้ไม้ขนาดเล็กเช่น 7A หรือไม้พิเศษเช่นไม้ Brush หรือ ไม้ก้านธูป ( Rods Stick )
2. เสียงดังได้ปานกลางหรือเล่นในพื้นที่ทั่วไป เช่น ร้านอาหารหรือผับบาร์ ไม้ขนาด 5A กำลังเหมาะสม
3. เสียงดังได้เต็มที่อย่างงานเล่นกลางแจ้ง เพราะอยากได้ซาวด์ที่เต็ม คุณอาจจะใช้ 5B หรือถ้าเป็นสายวงโยฯ จะนิยมใช้ 3S ( ไม้กลองมาร์ชชิ่ง ) เช่น Vic Firth Hammer, Vic Firth Magnum หรือ Vic Firth Ralph Hardimon
*ควรมีไม้กลองหลายคู่ในการเลือกใช้ให้เหมาะสม เช่น มือใหม่อาจจะใช้ไม้กลองขนาด 5A ในการฝึกกลองชุด แต่อาจมีไม้กลองขนาดใหญ่และหนักเป็นพิเศษแบบไม้ Vic Firth Hammer เอาไว้ฝึกตีกับแป้นซ้อม เพื่อฝึกให้ได้กล้ามเนื้อข้อมือที่แข็งแรงอย่างรวดเร็ว
4. ชนิดของไม้กลอง
ปัจจุบันมีการนำไม้หลากหลายชนิดมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตไม้กลอง แต่หลักๆ จะมีเพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้น
1. ไม้ Hickory
80% ของไม้กลองบนโลกนี้ผลิตจากไม้ Hickory ซึ่งจัดเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความเหนียว ทนทาน และไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ถือเป็นไม้ยอดนิยมที่สุด
2. ไม้ Maple
อีก 15% ผลิตจากไม้ Maple ซึ่งเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบา ไม่ได้เหนียวหรือแข็งแรงเท่ากับไม้ Hickory แต่ก็ได้รับความคล่องแคล่วว่องไวมาทดแทนในการตี คนที่ชอบไม้กลองเบา ๆ ไม้ Maple ก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ อย่างเช่นไม้กลองรุ่น Zildjian Maple Dip
*สำหรับมือใหม่แนะนำให้ใช้ไม้กลองที่ผลิตจากไม้ Hickory เพราะน้ำหนักเหมาะสมกับการเริ่มฝึกมากที่สุด
5. วิธีเลือกไม้กลอง
1. ไม้ต้องตรงไม่คดงอ ตรวจสอบโดย นำไม้กลิ้งไปกับพื้นเรียบ ถ้าไม้กระดกแสดงว่าไม้คด
2. ต้องมีมวลที่เท่ากัน เช็คโดยการนำไม้ทั้งสองข้างมาเคาะที่หัวตัวเองเบา ๆ เพื่อฟังเสียงของไม้ทั้งสองข้างว่ามีเสียงที่เท่ากันหรือไม่ ( ไม้กลองยี่ห้อระดับโลกอย่าง Zildjian, Vic Firth, Meinl จะมีการชั่งไม้ให้เท่ากัน และวัดความหนาแน่นของไม้จนได้เสียงที่เท่ากันทุกคู่จากโรงงาน )
3. การเลือกไม้กลองเราควรคิดถึงการใช้งานที่ยาวนาน โดยไม้ที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่ในท้องตลาดราคาจะอยู่ที่ 150-500 บาท ส่วนไม้กลองที่ราคาถูกมาก ๆ ตีไม่ถึงสองเพลงก็หักแล้ว ดังนั้นเราควรเลือกไม้ที่แข็งแรง และมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน
สรุป การเลือกไม้กลองนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งแนวที่ชอบ ความถนัดของแต่ละคน รวมถึงสถานที่ๆ จะไปเล่นด้วย จึงไม่แปลกที่มือกลองอาชีพจะมีไม้กลองเป็น 10 คู่ในกระเป๋าไม้กลอง
*สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์
คลิปหัวไม้กลองมีผลต่อเสียงอย่างไร
https://youtu.be/ZmdyZuwe7Q0
คลิปวิธีเลือกไม้กลอง
https://youtu.be/yzWWi-cGACk
TEMPO DRUM SHOP
“จบที่เรา เบาที่สุด”